SCBAM กระตุ้นนักลงทุนลงทุน

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เชิญชวนนักลงทุนเริ่มลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี ไม่ต้องรอปลายปี โดยจัดแคมเปญ “เริ่มก่อน คุ้มกว่า” ตั้งแต่วันนี้-31 พ.ค. 2564 นี้ ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และ/หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ผ่านช่องทาง SCBAM Fund Click, SCB EASY App

jumbo jili

หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย โดยผู้ลงทุนที่เข้าร่วมแคมเปญจะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น (SCBSFF) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารธนาคารพาณิชย์ และหุ้นกู้ มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด

สำหรับเงื่อนไขภายใต้แคมเปญนี้ กำหนดให้ลงทุนในช่องทางเดียวกันและประเภทเดียวกัน โดยจะต้องเริ่มลงทุนครั้งแรกในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-31 พฤษภาคม 2564 โดยภายในเดือนนั้นๆ จะลงทุนครั้งละเท่าใดก็ได้แต่ยอดเงินลงทุนสะสมสุทธิในเดือนนั้นจะต้องมีจำนวนขั้นต่ำ 5,000 บาทต่อเดือน และจะต้องมีการลงทุนเป็นระยะเวลา 6 เดือนต่อเนื่องติดต่อกันตามเดือนปฏิทิน โดยผู้ลงทุน 1 รายสามารถเลือกลงทุนได้ 3 แบบ ได้แก่ 1)

สล็อต

เลือกลงทุนในกองทุน SSF เพียงอย่างเดียว จะคำนวณในอัตราสูงสุดไม่เกินจำนวน 200,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน SCBSFF มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 400 บาท 2) เลือกลงทุนในกองทุน RMF เพียงอย่างเดียว จะคำนวณในอัตราสูงสุดไม่เกินจำนวน 500,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน SCBSFF มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท และ 3) เลือกทั้งกองทุน SSF และกองทุน RMF จะคำนวณตามที่กำหนดไว้ในข้อ 1 และข้อ 2 และเมื่อรวมมูลค่าหน่วยลงทุน SCBSFF ทั้งหมดแล้วจะต้องได้รับเป็นมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท

ยกตัวอย่างเช่น นายเอ เริ่มลงทุนในเดือน พ.ค.-ต.ค. โดยเลือกลงทุนในกองทุน SFF เดือนละ 30,000 บาท และกองทุน RMF 60,000 บาท พอจบแคมเปญเท่ากับว่านายเอจะมีเงินลงทุนที่เข้าร่วมโครงการในกองทุน SSF จำนวน 180,000 บาท และกองทุน RMF จำนวน 360,000 บาท เพราะฉะนั้น นายเอจะได้รับหน่วยลงทุน SCBSFF จากโครงการนี้มูลค่า 1,000 บาท เป็นต้น

สล็อตออนไลน์

ทั้งนี้ ไม่นับรวมการโอนสับเปลี่ยนภายในกองทุนรวมที่เข้าร่วมแคมเปญ และกรณีที่ลูกค้ามีการขายคืน โอนสับเปลี่ยนออก หรือโอนออกไปยังกองทุนรวมที่ไม่ได้เข้าร่วมแคมเปญ หรือกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจัดการอื่น ยอดเงินจำนวนดังกล่าวจะถูกนำไปหักออกจากยอดเงินลงทุนสะสมสุทธิของลูกค้า

สำหรับกองทุนที่เข้าร่วมแคมเปญ ครอบคลุมทุกสินทรัพย์ทั้งกองทุนไทยและต่างประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 32 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จำนวน 16 กองทุน แบ่งตามประเภทดังนี้ กองทุนรวมตราสารหนี้ 2 กองทุน, กองทุนรวมผสม 3 กองทุน, กองทุนรวมตราสารทุน 2 กองทุน, กองทุนรวมต่างประเทศ 7 กองทุน และกองทุนรวมสินทรัพย์ทางเลือก 2 กองทุน สำหรับกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) จำนวน 16 กองทุน แบ่งตามประเภทดังนี้ กองทุนรวมตราสารหนี้ 2 กองทุน, กองทุนรวมผสม 1 กองทุน, กองทุนรวมตราสารทุน 2 กองทุน, กองทุนรวมต่างประเทศ 3 กองทุน, กองทุนรวมสินทรัพย์ทางเลือก 2 กองทุน และกองทุนที่ลงทุนภายใต้นโยบาย LTF เดิม 6 กองทุน

jumboslot

“นอกจากเป้าหมายการลงทุนแล้ว การมีวินัยในการออมก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กัน สำหรับบางท่านที่รอลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี อยากให้ลองปรับเปลี่ยนการลงทุนเป็นแบบ DCA หรือ Dollar Cost Average เพื่อเป็นการสร้างวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และให้เงินทำงานแบบอัตโนมัติทุกเดือนโดยไม่ต้องคำนึงว่า ณ ขณะนั้นราคาจะเป็นอย่างไร ซึ่งการลงทุนแบบ DCA นี้จะเป็นตัวช่วยการลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาวของเราได้เช่นกัน” นายณรงค์ศักดิ์กล่าว

slot

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยทยอยจัดตั้งกองทุน Term Fund Plus อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง และกำลังมองหาโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว ซึ่งที่ผ่านมากองทุนได้รับความสนใจและเสียงตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็วและระดมทุนได้สูงถึง 61,619 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 25 ก.พ. 64) ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยเตรียมออก Term Fund Plus กองใหม่ชื่อว่า กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2022E (KFF22E) โดยเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 5-12 มีนาคม 2564

นายนาวินกล่าวต่อไปว่า ความน่าสนใจของกองทุน Term Fund Plus อยู่ตรงที่กองทุนใช้กลยุทธ์ Buy & Maintain ที่เน้นกระจายลงทุนในตราสารหนี้กว่า 80 ตราสาร ซึ่งมากกว่ากองทุน Term Fund ทั่วไป และลงทุนในตราสารหนี้ Investment Grade ไม่น้อยกว่า 70% รวมถึงกระจายลงทุนบางส่วนในเงินฝากต่างประเทศ เพื่อลดความผันผวนให้พอร์ตการลงทุน

ทั้งนี้ กองทุน KFF22E จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ผ่านกองทุนต่างประเทศ Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2022 – VI, Class C(USD)-Acc ในสัดส่วนประมาณ 60% ของพอร์ต ซึ่งบริหารจัดการโดย Invesco บลจ.ชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนตราสารหนี้ ส่วนที่เหลือประมาณ 40% บลจ.กสิกรไทยนำไปบริหารโดยกระจายลงทุนในเงินฝากต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝาก PT Bank Rakyat Indonesia (ประเทศอินโดนีเซีย), เงินฝาก Qatar National Bank (ประเทศกาตาร์) และเงินฝาก Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน)