ผู้เกี่ยวข้องในตลาดตราสารหนี้และพันธบัตร

ผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดตราสารหนี้และพันธบัตร แบ่งตามบทบาทที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

jumbo jili

  1. ผู้ออกตราสารหนี้ : ผู้ออกตราสารทางการเงินที่แสดงความเป็นหนี้ ซึ่งเป็นภาระผูกพันทางกฎหมายระหว่าง เจ้าหนี้ กับ ลูกหนี้
    ลูกหนี้คือผู้ออกตราสารหนี้ เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ รัฐวิสาหกิจ ส่วนเจ้าหนี้คือผู้ซื้อตราสารหนี้หรือผู้ลงทุน
  2. ผู้จัดจำหน่ายหรือตัวแทนจำหน่าย : สถาบันการเงินที่ผู้ออกตราสารหนี้แต่งตั้งให้ดำเนินการจำหน่ายตราสารหนี้ของผู้ออกตามความตกลงร่วมกัน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจ
  3. ผู้ถือกรรมสิทธิ์ หมายถึงผู้ซื้อหรือผู้รับโอนหรือผู้ประมูลตราสารหนี้ เช่น บุคคลธรรมดา นิติบุคคล สถาบันกา​รเงิน
  4. ผู้รับฝากหลักทรัพย์ : ผู้ทำหน้าที่ในการดูแลและรับฝากพันบัตรหรือหลักทรัพย์ เช่น ธนาคารพาณิชย์ (ในฐานะ Custodian) และบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) รับฝากพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร Scripless

สล็อต

  1. นายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน : ผู้ทำหน้าที่ในการดูแล รักษาข้อมูล การให้บริการธุรกรรมด้านพันธบัตรและตราสารหนี้การจ่ายดอกเบี้ยและต้นเงิน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย
  2. บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITMX) : เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ไทย ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งในและต่างประเทศ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยโอนเงินค่าดอกเบี้ยและต้นเงินให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรผ่านระบบ Bulk Payment ของบริษัท
  3. ผู้รับหลักประกัน : หน่วยงานราชการ องค์กรของรัฐ สถาบันการเงิน และบุคคล เช่น ศาล การไฟฟ้า ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจ บุคคลธรรมดา ที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์นำตราสารหนี้ไปวางเป็นหลักประกันต่าง ๆ เช่น ประกันตัวผู้ต้องหา ประกันการใช้ไฟฟ้า ประกันการขอสินเชื่อ
  4. ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย : หน่วยงานราชการที่มีอำนาจตามกฎหมายในการให้นายทะเบียนตรวจสอบกรรมสิทธิ์ ระงับการจำหน่าย จ่าย โอน (อายัด ยึด) ตราสารหนี้ ของผู้ถือกรรมสิทธิ์ เช่น กรมสรรพากร ศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์​

สล็อตออนไลน์

​​​​​​​​​​ธนาคารแห่งประเทศไทยมีบทบาทหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ภาครัฐ ดังนี้​

​1. วางแผนร่วมกับผู้ออกตราสารหนี้ เกี่ยวกั​บการออกตราสารหนี้ในตลาดแรก รวมทั้งเป็นผู้ออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินนโยบายการเงิน การดูแลสภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน และเพื่อขยายฐานนักลงทุน อันจะเอื้อต่อการพัฒนาตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้​​​​

  1. กำกับดูแล/จัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาครัฐในตลาดแรก​​
    2​​​.1 กำกับดูแลและประสานกับตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ออกตราสารหนี้ และการออกตราสารให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ​​​​
    2.2 เป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาครัฐให้กับนักลงทุนสถาบันด้วยวิธีการประมูล (ยกเว้นพั​​นธบัตรรัฐวิสาหกิจ)

jumboslot

  1. เป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน
    3.1 เป็นนายทะเบียน ดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนผู้ถือกรรมสิทธิ์ เช่น โอนกรรมสิทธิ์ จำนำ อายัด เป็นต้น
    3.2 เป็นตัวแทนการจ่ายเงิน ดำเนินการจ่ายดอกเบี้ย และไถ่ถอนต้นเงิน
  2. เป็นผู้แต่งตั้ง Primary Dealer เพื่อเป็นคู่ค้าตราสารหนี้ในการดำเนินนโยบายการเงิน​
  3. ร่วมพัฒนาตลาดตราสารหนี้ กับกระทรวงการคลังหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น พัฒนาการออกตราสารหนี้ภาครัฐในตลาดแรก เพิ่มสภาพคล่องและประสิทธิภาพของตลาดรอง และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกระบวนการส่งมอบและชําระราคาตราสารหนี้ เป็นต้น​

slot

รหัสหลักทรัพย์สากลและสัญลักษณ์ของตราสารหนี้​/_catalogs/masterpage/img/expand.png

​​​​ในปัจจุบันตราสารหนี้ที่ออกแต่ละรุ่นจะมีรหัสที่ใช้กำกับตราสารหนี้ประจำรุ่นซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขรหัสตราสารหนี้ ที่ใช้ในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ

​รหัสหลักทรัพย์สากล (International Securities Identification Number : ISIN) ใช้ระบุรุ่นตราสารหนี้ในการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดแรก และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ที่ ธปท
สัญลักษณ์ของตราสารหนี้ (ThaiBMA Symbol) ใช้ระบุรุ่นตราสารหนี้สำหรับกา​รซื้อขายในตลาดรองกับธนาคารพาณิชย์ หรือซื้อขายผ่านระบบการซื้อขายตราสารหนี้ (Bond Electronic Exchange : BEX)​
สำหรับการประมูลตราสารหนี้ในตลาดแรกที่ ธปท. ผ่านระบบการประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ e-Bidding) จะมีรหัสตราสารหนี้ให้เลือกทั้ง 2 ชนิด เมื่อผู้ประมูลเลือกรหัสชนิดใดชนิดหนึ่ง ระบบจะแสดงรหัสอีกชนิดหนึ่งซึ่งเป็นรุ่นที่ตรงกัน

ความรู้ความเข้าใจในตราสารหนี้

บทความนี้เป็นภาคต่อเนื่องจากบทความที่ผ่านที่พูดกันในเรื่องของตราสารหนี้ว่าคืออะไร มีข้อดีและข้อแตกต่างอย่างไรเมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารทุน โดยบทความนี้จะพูดถึงประเภทต่างๆ ของตราสารหนี้ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน คือ แบ่งตามประเภทของผู้ออก แบ่งตามหลักประกัน

jumbo jili

แบ่งตามสิทธิเรียกร้อง แบ่งตามดอกเบี้ย แบ่งตามสิทธิแฝง และแบ่งตามการจ่ายคืนเงินต้นหรือเงินสด

  1. แบ่งตามประเภทของผู้ออก มี 3 ประเภทด้วยกัน คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล ออกโดยองค์กรภาครัฐและเอกชน

ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล : โดยกระทรวงการคลัง (Ministry of Finance) เป็นผู้ออกตราสารให้แก่ผู้ถือ และผู้ถือหรือนักลงทุนมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาล ซึ่งท่านทราบอยู่แล้วว่าตราสารประเภทนี้ ปลอดจากความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระดอกเบี้ย และเงินต้น (default risk) ตัวอย่างของตราสารประเภทนี้ที่รู้จักกัน คือ ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) และพันธบัตรรัฐบาล (Treasury Bond)

ตราสารหนี้ที่ออกโดยองค์กรภาครัฐ : เป็นตราสารหนี้ที่ออกตามองค์กรภาครัฐและมีชื่อเรียกตามองค์กรนั้นๆที่ออกตราสารหนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงประเภท default risk ต่ำ ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟู เป็นต้น

ตราสารหนี้ภาคเอกชนหรือหุ้นกู้ภาคเอกชน (Debenture) เป็นตราสารหนี้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี ที่ออกโดยเอกชนเพื่อระดมทุนซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการออกจำหน่ายหุ้น ในเรื่องของความเสี่ยงประเภท default risk ก็จะมีมากกว่าตราสารหนี้ที่กล่าวมาข้างต้น โดยขึ้นอยู่กับ credit ของแต่ละบริษัทนั้นๆ

สล็อต

  1. แบ่งตามหลักประกัน มี 2 ประเภท คือ หุ้นกู้มีหลักประกัน และไม่มีหลักประกัน หุ้นกู้มีหลักประกัน (Secured Bond) เป็นหุ้นกู้ที่มีสินทรัพย์เป็นหลักประกัน และหากมีการผิดนัดชำระหนี้ ผู้ถือ หรือ Bond holder ก็สามารถเรียกร้องสิทธิในหลักประกันนั้นได้ก่อนคนอื่น หุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Bond) เป็นหุ้นกู้ที่ไม่มีสินทรัพย์ใดๆ มาวางเป็นหลักประกัน
  2. แบ่งตามสิทธิในการเรียกร้อง หุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Bond) ผู้ถือมีสิทธิเรียกร้องการชำระหนี้จากสินทรัพย์ของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ หลังจากที่มีการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้อื่นๆ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (Senior Bond) ในกรณีที่บริษัทมีการเลิกกิจการ (Liquidation) จะมีสิทธิในการเรียกร้องการชำระหนี้จากสินทรัพย์ได้ก่อนผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ หรือ Subordinated Bond โดยเรียงลำดับของสิทธิเรียกร้อง จะเริ่มจากมากไปน้อยสุดดังนี้ คือ ผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (Senior Bond) ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Bond) ผู้ถือหุ้นกู้บุริมสิทธิ (Preferred Stock) และผู้ถือหุ้นสามัญ (Common Stock) ตามลำดับ
  3. แบ่งตามอัตราดอกเบี้ย หุ้นกู้ที่จ่ายดอกเบี้ยคงที่ (Fixed rate Bond) ซึ่งจ่ายดอกเบี้ยในอัตราคงที่ทุกงวดตามที่ได้ระบุไว้ตั้งแต่ออกหุ้นกู้นั้น หุ้นกู้จ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating rate Bond) มีการจ่ายดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงตามอัตราอ้างอิงที่กำหนด เช่น LIBOR + Spread หุ้นกู้ที่ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ย (Zero Coupon Bond) เป็นหุ้นกู้ที่ผู้ซื้อหรือนักลงทุนซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาหน้าตั๋ว หรือเรียกว่า ซื้อได้ในราคา discount

สล็อตออนไลน์

  1. แบ่งตามชนิดของสิทธิแฝง (Embedded Option) หุ้นกู้ที่ปราศจากสิทธิแฝง เป็นหุ้นกู้ที่จ่ายดอกเบี้ยคงที่และปราศจากสิทธิแฝงหุ้นกู้ที่มีสิทธิแฝง ซึ่งมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน เช่น หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bond) หุ้นกู้ที่ผู้ออกมีสิทธิเรียกคืนก่อนกำหนด (Callable Bond) และหุ้นกู้ที่ผู้ถือมีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด (Puttable Bond)
  2. แบ่งตามประแสการจ่ายเงินต้นหรือเงินสด หุ้นกู้ที่จ่ายดอกเบี้ยคงที่และปราศจากสิทธิแฝง (Straight / Fixed rate and option free bond) หุ้นกู้ประเภททยอยจ่ายเงินต้น (Amortizing bond) โดยผู้ออกทยอยจ่ายคืนเงินต้นแก่ผู้ถือตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นงวดๆ งวดละเท่าๆ กัน ซึ่งเงินที่จ่ายเป็นงวดนั้นประกอบด้วยเงินต้นและดอกเบี้ยด้วย

ทั้งหมดนี้ถือเป็นความรู้ความเข้าใจในประเภทต่างๆ ของตราสารหนี้ ก่อนที่เราจะไปศึกษากันในบทบาทที่สำคัญของตลาดตราสารหนี้ต่อนักลงทุน รวมทั้งบทบาทที่สำคัญของ BEX หรือ Bond Electronic Exchange ในฉบับต่อไปครับ

jumboslot

การลงทุนเป็นหนึ่งกิจกรรมสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่งคั่ง ซึ่งการลงทุนก็มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบจับต้องได้และแบบจับต้องไม่ได้ TerraBKK ขอเสนอความรู้น่าใจเกี่ยวกับช่องทางการซื้อขายตราสารทุน ที่เรียกว่า ตลาดตราสารทุน เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นก่อนทำการลงทุน ตราสารทุน หลายคนนึกถึงสิ่งที่คุ้นเคยอย่าง หุ้นสามัญในตลาด SET ยังรวมไปถึงหุ้นบุริมสิทธิ ,หุ้นกู้แปลงสภาพ (ต่างจากหุ้นกู้ทั่วไป เนื่องจากจะแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญเมื่อถึงเงื่อนไขตามกำหนด) , ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) เป็นต้น ลักษณะตราสารจะแสดงถึงฐานะความเป็นเจ้าของ ได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล หรือส่วนต่างราคากรณีขายต่อนักลงทุนอื่น โดยกิจการจะออกตราสารขายแก่นักลงทุนเ พื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ ดังนั้น ตลาดตราสารทุน จึงหมายถึงแหล่งกลางที่ใช้ในการระดมทุนของกิจการแก่นักลงทุนที่สนใจตราสารทุนที่มีอายุมากกว่า 1 ปี ขึ้นไปนั้นเอง ตลาดตราสารทุน สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ตลาดแรก ( Primary Market ) จะเป็นตลาดสำหรับกิจการที่สร้างตราสารออกสู่ตลาดเพื่อระดมทุนจากนักลงทุนโดยตรง จะเป็นตราสารที่ออกขายใหม่ หรือตราสารที่นำออกขายในตลาดเป็นครั้งแรก แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การเสนอขายแก่บุคคลวงในจำกัด เรียกว่า Private Placement ( PP ) ซึ่งกิจการที่ออกตราสาร สามารถเสนอขายได้ 2 แบบ คือ แบบเสนอขายแก่นักลงทุนเฉพาะรายไม่เกิน 35 คน ในระยะเวลา 12 เดือน

และแบบเสนอขายแก่สถาบัน (เป็นไปตามระเบียบที่ กลต. กำหนดไว้) การเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป เรียกว่า Public Offering (PO ) ซึ่งกิจการที่ออกตราสาร จะต้องได้รับอนุมัติตามขบวนการขั้นตอนตามที่ กลต. ระบุไว้ก่อนจะออกขายในตลาด 2. ตลาดรอง ( Secondary Market) จะเป็นตลาดสำหรับตราสารที่มีการออกจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว เสมือนเป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือของผู้ถือครอง เป็นการหมุนเวียนอยู่ในระบบ ซึ่งจะมีหน่วยงาน ก.ล.ต. เป็นผู้กํากับภาพรวม และมีหน่วยงานตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นผู้ดูแลการซื้อขายในตลาดรอง แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียกว่า The Stock Exchange of Thailand ( SET) จะเป็นตลาดรองของบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีทุนชำระ ตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป click SET …

slot

ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เรียกว่า Market for Alternative Investment (mai) จะเป็นตลาดรองสำหรับธุรกิจที่มีศักยภาพขนาดกลางและเล็ก ที่มีทุนชำระ ตั้งแต่ 20 ล้านขึ้นไป click MAI …. ตลาดที่ผู้ซื้อและผู้ขายทํา ธุรกรรมกันเองโดยตรง (Over-the-Counter) ท้ายนี้ TerraBKK ขอนำข้อมูลดีๆจาก set.or.th ที่ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน ดังนี้

ประการที่ 1 แหล่งเงินทุนระยะยาว สามารถระดมเงินทุนจากประชาชนได้โดยตรง โดยไม่มีภาระเงินต้นและดอกเบี้ยเหมือนการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน

ประการที่ 2 เพิ่มช่องทางระดมทุน เพื่อช่วยบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หุ้นสามัญเพิ่มทุน หุ้นกู้หุ้นกู้แปลงสภาพ ใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหลักทรัพย์ (warrant) เป็นต้น

ประการที่ 3 เสริมสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่บริษัท เนื่องจากมีกลไกการเปิดเผยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แก่สาธารณะ

ประการที่ 4 สร้างความภักดี และผลตอบแทนที่ดีให้แก่พนักงาน กรณีมีการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการหรือพนักงานของบริษัท (Employee StockOption Program หรือ ESOP) ก็สามารถเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของบริษัทได้

ประการที่ 5 สร้างความรับผิดชอบและการบริหารงานแบบมืออาชีพ เป็นการกระตุ้นให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนมีการบริหารงานแบบมืออาชีพ เนื่องจากมีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นในวงกว้าง

ประการที่ 6 การดำรงอยู่ของธุรกิจในระยะยาว ช่วยให้บริษัทที่มีการบริหารงานแบบธุรกิจครอบครัวก้าวเข้าสู่การบริหารงานแบบมืออาชีพมากขึ้น มีผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพเข้ามาร่วมบริหารกิจการได้

ตราสารหนี้

หลายคนคงรู้ว่าปัจจุบันนี้การฝากเงินไว้ในธนาคารอย่างเดียวอาจจะไม่ช่วยให้เงินงอกเงยแล้ว เพราะดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบันนั้นน้อยมากที่สำคัญน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อด้วย ดอกเบี้ยเงินฝากบัญชีออมทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 0.25-1.5% และ ดอกเบี้ยฝากประจำหรือบัญชีพิเศษอยู่ที่ประมาณ 2.0% แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าเงินเฟ้อในแต่ละปี นั่นแปลว่าถ้าเราฝากเงินทิ้งไว้ในธนาคารแม้จะได้ดอกเบี้ย แต่เงินก็มีมูลค่าลดลงอยู่ดี

jumbo jili

วันนี้ผมจะมาแนะนำตราสารทางการเงินซึ่งเป็นช่องทางการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินไว้ในธนาคารให้เป็นไอเดียกับคนที่สนใจลงทุน ซึ่งตราสารทางการเงินคือการลงทุนรูปแบบหนึ่งประกอบด้วย ตราสารหนี้ ตราสารทุน กองทุนรวม ฯลฯ ซึ่งมีความเสี่ยงที่ต่างกันและได้ผลตอบแทนต่างกันด้วย ก่อนที่เราเราจะลงทุนในตราสารแบบไหนอยากลืมศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนนะครับ

ตราสารหนี้
ตราสารที่แสดงความ เป็นเจ้าของ โดยผู้ออกตราสารหนี้หรือผู้ขอกู้และผู้ซื้อหรือเจ้าหนี้ เช่น เราไปซื้อตราสารหนี้ของบริษัท A เราเป็นเจ้าหนี้ บริษัท A เป็นผู้กู้ ตัวอย่างตราสารหนี้แบ่งตามผู้ออก ดังนี้

ตราสารหนี้ออกโดย รัฐบาล เรียกว่า ตั๋วเงินคลังเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี และพันธบัตรรัฐบาล เป็นตราสารหนี้มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ออกโดยกระทรวงการคลัง
ตราสารหนี้ออกโดย รัฐวิสาหกิจ เรียกว่า ตราสารหนี้รัฐวิสาหกิจ เช่น พันธบัตรการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย
ตราสารหนี้ออกโดย เอกชน เรียกว่าหุ้นกู้ เรามักจะได้ยอนตามข่าวว่า บริษัท ปตท. ออกหุ้นกู้ OR จำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป

ตราสารทุนและหุ้นสามัญ
ตราสารที่ผู้ออกต้องการระดมทุนไปใช้ในกิจการ โดยผู้ซื้อหรือผู้ถือ มีสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วม กับกิจการนั้นๆ มีส่วนได้ ส่วนเสียเมื่อกิจการได้หรือเสียประโยชน์ และได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลโดยเงินปันผลจะต้องเสียภาษีในอัตราร้อนละ 10% ประกอบด้วย

สล็อต

หุ้นสามัญ (Common Stock) ออกโดยบริษัทเอกชน เพื่อให้ประชาชนหรือคนทั่วไปมีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ มีสิทธิ์ร่วมลงคะแนนเสียง โดยสิ่งที่ได้ตอบแทนเรียกว่าเงินปันผล
หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) ออกโดยบริษัทเอกชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของเหมือนหุ้นสามัญ แตกต่างกันตรงที่ถ้าบริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้เงินทุนคือก่อนผู้ที่ถือหุ้นสามัญและได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่
ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) คือเอกสารการจองสิทธิซื้อหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หรือตราสารอนุพันธ์ ในราคาตามใบจองสิทธิภายในระยะเวลาที่กำหนด
ใบคำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) คือตราสารที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการซื้อ หรือขายหลักทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น โดยใช้สิทธิตามระยะเวลาที่กำหนดไว้โดยบริษัทผู้ออกเป็นผู้กำหนด
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับตราสารทุนและหุ้นสามัญ

กองทุนรวม
กองทุนรวม คือ การระดมเงินทุนของคนจำนวนมากๆ ที่สนใจลงทุนหรือซื้อกองทุนไปลงทุนต่อในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ตามประเภทของกองทุนและนโยบายของกองทุนนั้นๆ โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารกองทุนให้ เมื่อกองทุนมีกำไรก็จะนำมาปันผลให้กับผู้ที่ถือกน่วยลงทุนหรือผู้ที่ซื้อกองทุน (กองที่มีนโยบายปันผล) แต่ถ้าเป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายปันผลก็จะสะสมกำไรไว้ทำให้เงินในกองทุนเพิ่มขึ้น

สล็อตออนไลน์

การลงทุนในกองทุนรวมมีข้อดีตรงที่สามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภทเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการขาดทุน โดยการแบ่งกองทุนรวมสามารถแบ่งได้ 2 แบบ ดังนี้

แบ่งตามการไถ่ถอนคืน
กองทุนเปิด (Opened – End Fund)
กองทุนปิด (Closed – End Fund)
แบ่งตามนโยบายการลงทุน
กองทุนตลาดเงิน (Money Market Fund) :
กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund) :
กองทุนรวมผสม (Mixed Fund)
กองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund)
กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund)
กองทุนรวมหน่วยลงทุน (Fund of Funds)
กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม (Fund of Funds)

jumboslot

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund)
กองทุนรวม ETF (Exchange Traded Fund)
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF)
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนรวม

เป็นยังไงกันบ้างครับเนื้อหาตราสารประเภทต่างๆ มีใครที่เพิ่งรู้จักตราสารพวกนี้หรือใครที่ลงทุนในตราสารพวกนี้มาก่อนแล้วบ้าง ตอนนี้ผลตอบแทนเป็นยังไงกันบ้างครับ

รู้แบบนี้แล้วลองเปลี่ยนจากฝากเงินทิ้งไว้ในธนาคารมาเป็นลงทุนในตราสารต่างๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าที่ควรจะได้กันนะครับ เพราะตราสารประเภทต่างๆมีให้เลือกลงทุนเยอะมากที่สำคัญอย่าลืมทำแบบทดสอบก่อนว่าเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน

slot

บทความนี้เป็นภาคต่อเนื่องจากบทความที่ผ่านที่พูดกันในเรื่องของตราสารหนี้ว่าคืออะไร มีข้อดีและข้อแตกต่างอย่างไรเมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารทุน โดยบทความนี้จะพูดถึงประเภทต่างๆ ของตราสารหนี้ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน คือ แบ่งตามประเภทของผู้ออก แบ่งตามหลักประกัน แบ่งตามสิทธิเรียกร้อง แบ่งตามดอกเบี้ย แบ่งตามสิทธิแฝง และแบ่งตามการจ่ายคืนเงินต้นหรือเงินสด

  1. แบ่งตามประเภทของผู้ออก มี 3 ประเภทด้วยกัน คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล ออกโดยองค์กรภาครัฐและเอกชน

ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล : โดยกระทรวงการคลัง (Ministry of Finance) เป็นผู้ออกตราสารให้แก่ผู้ถือ และผู้ถือหรือนักลงทุนมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาล ซึ่งท่านทราบอยู่แล้วว่าตราสารประเภทนี้ ปลอดจากความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระดอกเบี้ย และเงินต้น (default risk) ตัวอย่างของตราสารประเภทนี้ที่รู้จักกัน คือ ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) และพันธบัตรรัฐบาล (Treasury Bond)

ตราสารหนี้ที่ออกโดยองค์กรภาครัฐ : เป็นตราสารหนี้ที่ออกตามองค์กรภาครัฐและมีชื่อเรียกตามองค์กรนั้นๆที่ออกตราสารหนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงประเภท default risk ต่ำ ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟู เป็นต้น

วิธีเลือกลงทุนกองทุนรวมอย่างชาญฉลาดสำหรับมือใหม่

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการเลือกกองทุนได้ง่าย เพราะเรื่องกองทุนนั้นจริงๆ ก็ไม่ยากอย่างที่คิด ใครๆ ก็เริ่มต้นลงทุนได้ อย่ารอช้ามาติดตามกัน

jumbo jili

วิธีแรก
เลือกจากเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
วิธีนี้ง่ายมากๆ หากเราคิดว่าอะไรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตเราก็เลือกกองทุนที่ลงทุนกับสิ่งเหล่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น อนาคตจะมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้นอีกหลายสาย มีโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ถนนหนทางใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้รวมๆ เรียกว่า “โครงสร้างพื้นฐาน” เราก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure Fund เพราะเราคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือ อนาคตที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เราก็สามารถลงทุนได้ แถมอาจจะเก็บยาวๆ ได้อีกด้วย
หรืออีกเทรนด์หนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ สังคมผู้สูงอายุ ในอนาคตประเทศไทยจะมีคนสูงอายุราวๆ 15-20% นั่นถือเป็นการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มร้อย เราก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล เกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ การรักษาสุขภาพ อุตสาหกรรมผลิตยา เป็นต้น

สล็อต

วิธีการก็คือ เราสามารถเข้าไปอ่านหนังสือชี้ชวนว่าแต่ละกองทุนรวมเหล่านั้นนำเงินของผู้ซื้อหน่วยลงทุน คือเงินของเราไปลงทุนในอะไรบ้าง ในหุ้นสามัญ หุ้นกู้ หรือสินทรัพย์ทางการเงินรูปแบบต่างๆ โดยสามารถสอบถามเพื่อขอหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม หรือไปดาวน์โหลดในอินเตอร์เน็ตก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด

วิธีที่สอง
เลือกลงทุนจากการเปรียบเทียบผลตอบแทนในอดีต
วิธีการนี้เป็นการมองเชิงตัวเลข ไม่เหมือนกับวิธีการแรกที่เราใช้มุมมองในเชิงคุณภาพ โดยเราสามารถเข้าไปดูตัวเลขผลตอบแทนของแต่ละกองทุนย้อนหลังได้ในเว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุนรวมแต่ละแห่งได้ไม่ยาก
วิธีการก็คือ นำผลตอบแทนของแต่ละกองทุนย้อนหลัง โดยทางบริษัทจัดการกองทุนแต่ละแห่งจะรายงานเป็นตัวเลข % ต่อปี เราสามารถคัดเอากองทุนที่มีผลตอบแทนติดลบออกไป และเลือกเอากองทุนที่มีผลตอบแทนเป็นบวกมาพิจารณา หากเราไม่คิดจะพิจารณาในเชิงคุณภาพ หรือดูว่ากองทุนเหล่านั้นลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง ต้องการรู้แค่ ตัวเลขของผลตอบแทนเท่านั้น เราก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังสูงสุดนั่นเอง

สล็อตออนไลน์

ที่จริงแล้วในแวดวงของผู้จัดการกองทุนได้มีการจัดอันดับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมไว้ที่เว็บไซต์ต่างๆ อาทิ morningstarthailand.com โดยเราสามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลย้อนหลังได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

อย่างไรก็ตามการใช้วิธีวัดผลจากตัวเลขแต่เพียงอย่างเดียวนั้นจะทำให้เราขาดการมองภาพเชิงคุณภาพ ทางที่ดีหากเราใช้แนวคิดแรก คือ การมองภาพการลงทุนเชิงคุณภาพ โดยเลือกจากกระแสการเติบโตในอนาคตที่เราสนใจเป็นหลัก และค่อยมาคัดเอากองทุนที่มีผลตอบแทนดีที่สุดก็จะมีตัวกรองสองชั้นช่วยให้การตัดสินใจดีขึ้น

วิธีที่สาม
เลือกจากความน่าเชื่อถือของบริษัทจัดการกองทุนรวม
วิธีการนี้เราจะใช้เงื่อนไขใหม่ก็คือ เราต้องการเลือกจากความน่าเชื่อถือของบริษัทจัดการกองทุนรวมเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทที่ดูน่าเชื่อถือนั้นคงไม่เชิดเงินของเราเพียงเล็กน้อยไปเพื่อแลกกับชื่อเสียงที่สะสมมาอย่างยาวนาน
โดยปกติแล้วบริษัทจัดการกองทุนรวมที่แตกย่อยมาจากธนาคารใหญ่ๆ หรือธนาคารที่มีประวัติการดำเนินงานอย่างมั่นคงยาวนานจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกรณีที่เราต้องการเลือกกองทุนรวมจากความน่าเชื่อถือดังกล่าว

jumboslot

อย่างไรก็ตามการเลือกกองทุนรวมโดยใช้เงื่อนไขจากความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้นแม้ไม่ใช่แนวคิดที่ดีเท่ากับสองแนวคิดแรก แต่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด แนวคิดนี้จะช่วยให้เราปลอดภัย ถ้าจะให้การเลือกของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น เราสามารถกรองต่ออีกสองชั้น ด้วยการเลือกกองทุนรวมจากความน่าเชื่อถือเป็นอันดับแรก ถัดมาก็เลือกตามเทรนด์ที่จะเป็นกระแสในอนาคตภายใต้การลงทุนของกองทุนรวมที่เราเลือกมาแต่แรก และสุดท้ายก็คือ ใช้ตัวเลขผลตอบแทนจากการลงทุนในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเพื่อลงทุน

slot

วิธีการทั้งสามแบบเป็นวิธีคิดที่แตกต่างจากบทความอื่นๆ ที่จะเน้นอธิบายคุณสมบัติต่างๆ ของแต่ละกองทุน ซึ่งมีเยอะแยะมากมายจำกันไม่ไหว สิ่งสำคัญก็คือ เราควรเลือกจากตัวเราเองเป็นหลัก และสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกประการ คือ เราต้องรู้ว่าเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน หากเรารับความเสี่ยงได้มากหน่อยเราก็สามารถเลือกกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นเป็นหลัก แต่ถ้าเรารับความเสี่ยงได้น้อยก็ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงน้อย อย่างเช่น ตราสารหนี้ หรือพันธบัตรเป็นหลักนั่นเอง

กองทุนรวมผสม คืออะไร

เพราะในโลกของการลงทุนมีอะไรมากกว่าที่เราคิด แม้ว่าก่อนการลงทุนเราจะทำการศึกษาขั้นตอนและความคุ้มค่าของการลงทุนมาอย่างดีแล้วก็ตาม แต่สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุน แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกลงทุนกับกองทุนแบบไหนดี วันนี้เรามี กองทุนรวมผสม (Mixed Fund) มาแนะนำให้รู้จักกันค่ะ

jumbo jili

กองทุนรวมผสม (Mixed Fund) คืออะไร

กองทุนผสม คือ กองทุนที่นักลงทุนสามารถเลือกได้ว่า จะเอาเงินที่มีนั้นไปลงทุนในหุ้น หรือลงทุนตราสารหนี้ เพื่อผลตอบแทนที่ดีขึ้น และเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในเวลาเดียวกัน กองทุนรวมผสมสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

กองทุนรวมผสม (Balanced Fund) คืออะไร
กองทุนรวมผสม คือ กองทุนที่ผสมผสานระหว่าง การลงทุนในตราสารทุน และ การลงทุนในตราสารหนี้ หรือ การลงทุนรูปแบบของตราสารอื่นๆ เข้าด้วยกัน อัตราส่วนของการลงทุนก็ขึ้นอยู่กับการจัดสรรของเจ้าของกองทุนว่าจะจัดการลงทุนในรูปแบบไหนให้กับผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของหน่วยกองทุน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดอัตราส่วนของการลงทุนในกองทุนรวมแบบผสมไว้ว่า ต้องมีอัตราส่วนของตราสารทุนไม่น้อยกว่า 35% แต่ต้องไม่เกิน 65% ของหน่วยลงทุนในขณะนั้น

สล็อต

กองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น คืออะไร
กองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น หรือ กองทุนรวมแบบผสมไม่กำหนดสัดส่วน คือ กองทุนที่ไม่มีการกำหนดสัดส่วนของตราสารทุน และ ตราสารประเภทอื่นๆ ทำให้กองทุนมีความยืดหยุ่นกว่า เนื่องจากนักลงทุนมีตัวเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น และนักลงทุนสามารถเลือกได้เองว่า อยากลงทุนในสัดส่วนที่มีความเสี่ยงสูงต่ำมากแค่ไหนค่ะ

ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมผสม คือ

ข้อดีที่เห็นได้ชัดคงหนีไม่พ้นเรื่องของ นักลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับเงินตอบแทน หรือกำไรมากขึ้นจากการลงทุน แม้ว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จะมีความเสี่ยง แต่การถูกกำหนดสัดส่วนการลงทุนระหว่างตราสารทุน และกองทุนอื่นๆ ทำให้การลงทุนในกองทุนรวมนั้นมีความเสี่ยงไม่มากเท่าไหร่นัก

กองทุนรวมผสม เหมาะกับใคร

สล็อตออนไลน์

แน่นอนว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง และในโลกของการลงทุน กองทุนรวมต่างๆ จะถูกจัดลำดับความเสี่ยงของการลงทุน โดยมีการแบ่งความเสี่ยงทั้งหมด ออกเป็น 8 ระดับ และความเสี่ยงกองทุนรวมผสม ถูกจัดให้มีความเสี่ยงอยู่ในอันดับที่ 5 (อ้างอิงจาก : www.scbam.com) คือ กลุ่มของกองทุนที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง

การลงทุนกับกองทุนรวมผสมจึงเหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้แค่ในระดับหนึ่ง หรือ นักลงทุนที่อยากหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และรูปแบบของการลงทุน ตัวนักลงทุนสามารถเลือกและจัดสรรสัดส่วนการลงทุนของตัวเองได้ ทำให้การลงทุนรวมผสมเป็นที่นิยมในกลุ่มของนักลงทุนไม่แพ้กองทุนอื่นๆ นั่นเองค่ะ

จากที่กล่าวมาทั้งหมด แม้ว่ากองทุนรวมผสมจะมีความเสี่ยงไม่เท่าการลงทุนในรูปแบบอื่น แต่ก่อนลงทุนผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดและความเสี่ยงต่างๆให้ครบถ้วนก่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตนะคะ

jumboslot

วิธีนี้ง่ายมากๆ หากเราคิดว่าอะไรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตเราก็เลือกกองทุนที่ลงทุนกับสิ่งเหล่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น อนาคตจะมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้นอีกหลายสาย มีโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ถนนหนทางใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้รวมๆ เรียกว่า “โครงสร้างพื้นฐาน” เราก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure Fund

เพราะเราคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือ อนาคตที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เราก็สามารถลงทุนได้ แถมอาจจะเก็บยาวๆ ได้อีกด้วย
หรืออีกเทรนด์หนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ สังคมผู้สูงอายุ ในอนาคตประเทศไทยจะมีคนสูงอายุราวๆ 15-20% นั่นถือเป็นการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มร้อย เราก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล เกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ การรักษาสุขภาพ อุตสาหกรรมผลิตยา เป็นต้น

slot

วิธีการก็คือ เราสามารถเข้าไปอ่านหนังสือชี้ชวนว่าแต่ละกองทุนรวมเหล่านั้นนำเงินของผู้ซื้อหน่วยลงทุน คือเงินของเราไปลงทุนในอะไรบ้าง ในหุ้นสามัญ หุ้นกู้ หรือสินทรัพย์ทางการเงินรูปแบบต่างๆ โดยสามารถสอบถามเพื่อขอหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม หรือไปดาวน์โหลดในอินเตอร์เน็ตก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด

วิธีที่สอง
เลือกลงทุนจากการเปรียบเทียบผลตอบแทนในอดีต
วิธีการนี้เป็นการมองเชิงตัวเลข ไม่เหมือนกับวิธีการแรกที่เราใช้มุมมองในเชิงคุณภาพ โดยเราสามารถเข้าไปดูตัวเลขผลตอบแทนของแต่ละกองทุนย้อนหลังได้ในเว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุนรวมแต่ละแห่งได้ไม่ยาก
วิธีการก็คือ นำผลตอบแทนของแต่ละกองทุนย้อนหลัง โดยทางบริษัทจัดการกองทุนแต่ละแห่งจะรายงานเป็นตัวเลข % ต่อปี เราสามารถคัดเอากองทุนที่มีผลตอบแทนติดลบออกไป และเลือกเอากองทุนที่มีผลตอบแทนเป็นบวกมาพิจารณา หากเราไม่คิดจะพิจารณาในเชิงคุณภาพ หรือดูว่ากองทุนเหล่านั้นลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง ต้องการรู้แค่ ตัวเลขของผลตอบแทนเท่านั้น เราก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังสูงสุดนั่นเอง
ที่จริงแล้วในแวดวงของผู้จัดการกองทุนได้มีการจัดอันดับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมไว้ที่เว็บไซต์ต่างๆ อาทิ morningstarthailand.com โดยเราสามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลย้อนหลังได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

REIT buy-back ทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผู้ลงทุน

เพื่อให้ภาคธุรกิจมีทางเลือกในการระดมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องจากหลายช่องทางภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน นอกเหนือจากการขอสินเชื่อจากธนาคาร ออกหุ้นกู้ หรือออกหุ้นทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลัง

jumbo jili

ประสบปัญหาด้านสภาพคล่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเปิดทางให้ผู้ประกอบธุรกิจ ในภาคอสังหาริมทรัพย์สามารถระดมทุนผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า REIT buy-back มาทำความรู้จักกับ REIT กันก่อน…. ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า REIT มี ลักษณะเป็นกองทรัพย์สินที่รวบรวมเงินจากผู้ที่สนใจลงทุนหลาย ๆ คน เพื่อเอาเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น โรงงาน โกดังสินค้า โรงแรม ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน

โดยอาจลงทุนในรูปแบบของกรรมสิทธิ์ (freehold) หรือสิทธิการเช่า (leasehold) ก็ได้ โดยมี ผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT manager) ที่มีความ เชี่ยวชาญในการบริหารอสังหาริมทรัพย์ประเภทนั้น ๆ ทำหน้าที่คัดเลือกทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการสร้าง รายได้และบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ REIT นั้นลงทุนอยู่และมี “ทรัสตี” (Trustee) ทำหน้าที่กำกับดูแล การทำหน้าที่ของผู้จัดการกองทรัสต์อีกทอดหนึ่ง เมื่อ REIT มีรายได้จากค่าเช่า จะนำเงินมาจ่ายปันผลให้กับ

สล็อต

ผู้ลงทุน REIT จึงเป็นเครื่องมือที่ใช้อย่างแพร่หลายสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการระดมทุน และยังเป็น ทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่บริหารโดยผู้เชี่ยวชาญ ทางเลือกใหม่ REIT buy-back สำหรับ REIT buy-back นั้น เป็นทางเลือกใหม่ในการระดมทุนผ่าน REIT โดย REIT จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ใน ราคาที่มีส่วนลด และเจ้าของอสังหาริมทรัพย์สามารถทำข้อตกลงที่จะซื้อคืนจาก REIT ภายใต้เงื่อนไขและราคา ที่ตกลงไว้ล่วงหน้า

ซึ่งการกำหนดเงื่อนไขการซื้อคืนจะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ (ไม่ว่า REIT buy-back ทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผู้ลงทุน (เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) “ก.ล.ต. ดูแลตลาดทุน เพื่อให้คุณมั่นใจ” 2 จะมีรายได้หรือไม่มีรายได้)

มาระดมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องทำให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และยังรักษา ความเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์ไว้ได้ เพราะหากสถานการณ์ดีขึ้นสามารถซื้อคืนได้ REIT buy-back ที่ ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์มานั้น จึงเป็นมาตรการที่ช่วยแก้ปัญหาให้แก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยตรง และยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนมีโอกาสลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพในราคาส่วนลด จึงทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาลงทุนและราคาที่เจ้าของจะซื้อคืน ตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. จะแบ่ง REIT buy-back เป็น 2 รูปแบบ ตามความเสี่ยงและความซับซ้อนของ ข้อตกลง เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ลงทุนแต่ละกลุ่ม ได้แก่ (1) REIT buy-back ที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปได้ จะต้องมีข้อตกลงที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์มี“ภาระผูกพันในการซื้อคืน” (obligation) เพื่อให้ ผู้ลงทุนรู้แน่ชัดว่าจะได้รับผลตอบแทนเท่าไร

สล็อตออนไลน์

และต้องเปิดเผยข้อมูล credit rating ของเจ้าของ อสังหาริมทรัพย์เดิมด้วย เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากความเสี่ยงหลักของ “REIT buy-back ที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป” นั้น อยู่ที่ความสามารถในการมาซื้อคืนของเจ้าของ (2) REIT buy-back ที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra-High Net Worth) เท่านั้น REIT buy-back ในรูปแบบนี้จะมีความเสี่ยงสูงกว่าแบบแรก เพราะสามารถเลือกได้ว่าจะกำหนดเป็น “ภาระผูกพันในการซื้อคืน” (obligation) โดยไม่จำเป็นต้องมี credit rating ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เดิม หรือ กำหนดเป็นข้อตกลงที่ให้“สิทธิ” เจ้าของอสังหาริมทรัพย์เดิมมาซื้อคืน (option) ก็ได้ ซึ่งกรณี option 3 นั้น เจ้าของอสังหาริมทรัพย์อาจจะซื้อคืนหรือไม่ก็ได้ โดยที่เจ้าของเดิมจะมาใช้สิทธิซื้อคืนเมื่อราคาในตลาดสูง กว่าราคาใช้สิทธิที่กำหนดไว้แต่หากราคาในตลาดต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ เจ้าของเดิมก็อาจเลือกไม่มาซื้อคืน จึงทำ ให้ผู้ลงทุนจึงมีความเสี่ยงมากกว่าแบบแรก การลงทุนใน REIT buy-back จึงมีความแตกต่างจาก REIT ทั่วไป ทั้งลักษณะผลตอบแทนและความเสี่ยง ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน

jumboslot

และความเหมาะสมของราคาที่ REIT เข้าลงทุน เป็นสำคัญ รวมถึงควรคำนึงถึงความเสี่ยงและผลกระทบหากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เดิมไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ที่อาจเกิดขึ้นด้วย หลังจากที่ ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์ REIT buy-back ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นั้น มีผู้ประกอบธุรกิจหลายรายให้ความสนใจ โดยปัจจุบันมีผู้จัดการกองทรัสต์ที่ยื่นคำขอเสนอขายหน่วยทรัสต์ เพื่อที่จะไปลงทุนในทรัพย์สินภายใต้แนวคิด REIT buy-back ต่อ ก.ล.ต. แล้ว โดยผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูล และติดตามความคืบหน้าได้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. (www.sec.or.th) นอกจากนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นในการลงทุนมากขึ้น โดยให้สามารถลงทุน ในสิทธิการเช่า (leasehold) ได้เพิ่มเติม

โดยจะออกหลักเกณฑ์เพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ ก.ล.ต. มุ่งหวังให้ตลาดทุนมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือภาคธุรกิจเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง รักษาทรัพย์สินและการจ้างงานให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนสามารถ ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพผ่าน REIT buy-back ได้เช่นเดียวกัน ที่มา : * การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวบรวมข้อมูลด้วย Krungthai COMPASS ** กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา (ณ วันที่ 25 มกราคม 2564) ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ต้นฉบับ

slot

บทความฮอต การกินอาหารให้เป็นยาและโภชนาการสำหรับผู้สูงวัย ศาสตร์แห่งความสุขจากการสร้างเสริมสุขภาพจากระดับเซลล์สู่วิถีชีวิตแบบไทยๆอย่างยั่งยืน การระดมทุนด้วย REIT buy-back การลงทุนใน REIT buy-back ต้องพิจารณาอะไรบ้าง สถานการณ์ เดือนสิงหาคม 2564 บทเรียนสุดคลาสสิคจากการไม่มี-ไม่อัปเดตแบบก่อสร้าง กับการบริหาร “แบบ” เมื่อการก่อสร้างจบลง ปัญหาของประเทศไทย และก้าวที่ควรไปต่อในปี 2564 วางแผนวัยเกษียณอย่างไร ให้มีเงินใช้อย่างสุขสบาย การกินอาหารให้เป็นยาและโภชนาการสำหรับผู้สูงวัย ศาสตร์แห่งความสุขจากการสร้างเสริมสุขภาพจากระดับเซลล์สู่วิถีชีวิตแบบไทยๆอย่างยั่งยืน

การระดมทุนด้วย REIT buy-back การลงทุนใน REIT buy-back ต้องพิจารณาอะไรบ้าง สถานการณ์ เดือนสิงหาคม 2564 บทเรียนสุดคลาสสิคจากการไม่มี-ไม่อัปเดตแบบก่อสร้าง กับการบริหาร “แบบ” เมื่อการก่อสร้างจบลง ปัญหาของประเทศไทย และก้าวที่ควรไปต่อในปี 2564 วางแผนวัยเกษียณอย่างไร ให้มีเงินใช้อย่างสุขสบาย การกินอาหารให้เป็นยาและโภชนาการสำหรับผู้สูงวัย ศาสตร์แห่งความสุขจากการสร้างเสริมสุขภาพจากระดับเซลล์สู่วิถีชีวิตแบบไทยๆอย่างยั่งยืน ‹› บ้านเดี่ยวมือสองแนะนำ ขายบ้านมือสอง ลาดพร้าว-วังหิน74 หมู่บ้าน อมรพันธ์ 9 ติดคอมมูนิตี้มอลล์ และร้านอาหารอร่อยชื่อดังย่ ลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ขาย: 7,870,000 ขายบ้านเดี่ยว ถนนพระราม 4 สาทร เย็นอากาศ ทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ขาย: 52,000,000 ขายด่วน บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ พร้อม เรือนรับรอง2ชั้น ติดถนนประชาชื่น-คลองประปา

กองทุนตราสารหนี้ก็ขาดทุนได้

สาเหตุที่ผมหยิบยกเรื่องนี้มาพูดก็เพราะว่าช่วงเวลาที่คุณกำลังอ่านบทความอยู่ตอนนี้ ก็เป็นช่วงที่กองทุนตราสารหนี้หลายกองเริ่มขาดทุน เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ มันเป็นเรื่องปกติของการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ทุกประเภท ซึ่งก่อนจะไปดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไร คุณต้องมาทำความเข้าใจเรื่องของตราสารหนี้กันก่อน

jumbo jili

หลักการ “ขึ้น-ลง” ของราคาตราสารหนี้
สมมติว่าวันนี้คุณซื้อตราสารหนี้มา 100 บาท จ่ายดอกเบี้ย 1.50% ต่อปี และมีอายุตราสารฯ 3 ปี … เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี มีตราสารหนี้ออกใหม่ในตลาดจ่ายดอกเบี้ยที่ 2.00% ต่อปี และมีอายุตราสาร 2 ปี เท่ากับที่เหลืออยู่ของคุณ นั่นทำให้วันนี้ … หากคุณเอาตราสารหนี้ที่มีอยู่ในมือไปขายต่อให้คนอื่น คุณต้องยอมขายในราคาที่ต่ำกว่า 100 บาท เพื่อจูงใจให้คนอื่นมาซื้อไป เพราะหากขายที่ราคา 100 บาทเท่าทุน ใครจะมาซื้อล่ะ ? เพราะคนอื่น ๆ สามารถไปซื้อในตลาดแล้วได้ดอกเบี้ยตั้ง 2.00%

สล็อต

กลับกัน … ถ้าผ่านไป 1 ปี แล้วตราสารหนี้ออกใหม่ในตลาดจ่ายดอกเบี้ยที่ 1.00% ต่อปี ที่นี้ถ้าเราเอาของในมือที่จ่ายดอกเบี้ย 1.50% ไปขายต่อ เราจะขายได้ในราคาที่สูงกว่า 100 บาท “หรือมีกำไรจากส่วนต่างราคาตราสารหนี้” ครับ … ซึ่งตราสารหนี้ตัวไหนที่มีอายุตราสาร (Duration) มากกว่า ก็จะยิ่งได้รับผลกระทบจากการ “ขึ้น-ลง” ของดอกเบี้ยมากกว่า เพราะตัวที่มี Duration น้อยกว่า ก็แสดงว่าจะครบกำหนดไวกว่า และได้เงินต้นคืนไวกว่าครับ

ทีนี้คุณจะเห็นแล้วว่าตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ หรือกองทุน ทั้งหมดล้วนแต่มีราคาตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดครับ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงขึ้นลงเยอะ ๆ เหมือนกับหุ้นนะ ตราสารหนี้เหล่านี้ยังมีความเสี่ยงน้อยกว่าอยู่ดี ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลก ญี่ปุ่นลดดอกเบี้ยจนติดลบ ฝั่งยุโรป และจีนก็ชะลอตัว พี่ไทยก็โดนหางเลขกับเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว เม็ดเงินเลยไหลเข้าสู่สิ่งปลอดภัยอย่างพันธบัตรฯ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลงมาโดยตลอด (ราคาตราสารหนี้เพิ่มขึ้น) แต่ตลาดเริ่มเปลี่ยนมุมมองเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาโดยสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดช่วงนี้ปรับตัวขึ้นก็อันเนื่องมาจาก

สล็อตออนไลน์

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นักลงทุนเริ่มมีมุมมองเป็นบวกกับเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น (GDP ไตรมาสแรกของไทยดีกว่าที่คาดไว้)

คาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่กำหนดโดย กนง.อยู่ในจุดต่ำสูดแล้ว (ไม่น่าจะลดดอกเบี้ยลงอีก)
พันธบัตรระยะยาวของไทยปรับตัวต่ำเกินไป (แพงเกินไป) เมื่อเที่ยบกับพันธบัตรอเมริกา (เมื่อต้นเดือนเมษายน พันธบัตรไทย 10 ปี อัตราผลตอบแทน 1.6% ขณะที่ของอเมริกา 1.7%)
ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา Government Bond Yield หรือผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็นตราสารหนี้ที่ปลอดภัยมากที่สุด ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น (มีคนขายมากขึ้น ทำให้ราคาพันธบัตรฯ ลดลง ในขณะที่ดอกเบี้ยยังจ่ายเท่าเดิม ทำให้ Yield หรืออัตราผลตอบแทนสูงขึ้น)

ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้มักจะเป็นการบอกกลาย ๆ ว่า “กำลังมีแรงขายในตลาดตราสารหนี้อยู่”

jumboslot

และแน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบไปยังทุกคนที่ลงทุนในตราสารหนี้ … รวมถึงกองทุนด้วย นี่เป็นเหตุผลที่ช่วงนี้กองทุนตราสารหนี้ที่คุณถืออยู่ มูลค่า NAV แทบจะไม่เดิน ให้ผลตอบแทนน้อยลง และยิ่งถ้าเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว (Duration สูง) อาจถึงขั้นขาดทุนเลย

“แล้วจะทำไงดีล่ะ?”
อย่างที่ผมบอกไปเมื่อตอนต้นครับ … “Duration มากกว่า จะได้รับผลกระทบมากกว่า” เพราะงั้นช่วงนี้ทิศทางของดอกเบี้ยดู ๆ แล้วมีโอกาส “ขึ้น” มากกว่า “ลง” เพราะฉะนั้นหากคุณกำลังมองหากองทุนตราสารหนี้มาลงทุน คำแนะนำของผมคือ

slot

“ลงทุนแบบสั้น ๆ กับกองทุนตลาดเงิน” – แบบนี้จะปลอดภัยกว่า แถมยังได้ลุ้นรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น จากการปรับเพิ่มของอัตราดอกเบี้ย (กองทุนตลาดเงินที่แนะนำ)
“Lock ผลตอบแทน ด้วยกองทุนแบบ Fixed-term” – จริง ๆ จะมีกองทุนตราสารหนี้แบบที่กำหนดผลตอบแทนต่อปีมาให้เลย ว่าถ้าคุณลงทุนในกองทุนนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ไม่ขายออก) คุณจะได้ผลตอบแทน X% ต่อปี (ลักษณะจะคล้าย ๆ กับการฝากประจำ) ซึ่งเราเรียกกองทุนแบบนี้ว่า Fixed-term Fund โดยปัจจุบันกองทุนแบบกำหนดระยะเวลา 3 เดือน มีผลตอบแทนให้เลือกตั้งแต่ 1.50% – 3.00% ต่อปี ไม่มีภาษี (ดูกองทุน Fixed-term ที่แนะนำ) (อย่าลืมดูไส้ในของกองด้วยครับ ว่าลงทุนอะไร ปัจจุบันมีกองทุนที่ลงทุนตราสารหนี้ต่ำกว่า Investment grade เพื่อเพิ่มผลตอบแทน แต่สิ่งที่ตามมาคือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น)
เพราะงั้นจะเห็นว่าสภาวะตลาดแบบนี้ ความไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ย ควรลงทุนแบบสั้น ๆ ไว้ก่อน เพราะเรากำลังคาดการ์ณว่าดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ การลงทุนในตราสารหนี้ที่มี Duration ต่ำ ๆ จะทำให้มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนน้อยที่สุด แถมได้ลุ้นผลตอบแทนที่จะมากขึ้นจากการขึ้นของอัตราดอกเบี้ย

การลงทุนในตราสารหนี้

ตราสารหนี้เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อกระจายการลงทุนจากสินทรัพย์อื่นและคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เนื่องด้วยตราสารหนี้มีคุณสมบัติที่สำคัญ คือ สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้

jumbo jili

เมื่อผู้ลงทุนที่ถือตราสารหนี้ที่ได้ซื้อจากบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ในตลาดแรกมาแล้ว มีความต้องการจะขายตราสารหนี้ดังกล่าวสามารถทำได้โดยการขายในตลาดรอง (Secondary Market) โดยการซื้อขายจะเป็นลักษณะแบบ Over-the-Counter ที่เป็นการต่อรองโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ตราสารหนี้ไทยยังเป็นที่ต้องการของผู้ลงทุนต่างชาติด้วย ในปีที่ผ่านมามีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยสุทธิถึง 220,000 ล้านบาท

การลงทุนในตราสารหนี้สามารถเรียกอีกอย่างได้ว่าการลงทุนในตราสารที่ให้รายได้ประจำ (Fixed-Income Instruments) เนื่องจากผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนดอกเบี้ย (Coupon) ที่แน่นอนจากตราสารหนี้ และได้รับอย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในตราสารหนี้ด้วยการซื้อในตลาดแรก (Primary Market) ซึ่งหมายถึง การซื้อตราสารหนี้เป็นครั้งแรกจากผู้ออกโดยตรง หรือซื้อในตลาดรอง (Secondary Market) ซึ่งคือการเข้าไปซื้อจากผู้ที่ได้ถือครองตราสารหนี้ที่ออกมาแล้ว แต่ต้องเป็นตราสารหนี้ที่กำหนดให้สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดตราสารหนี้ได้

สล็อต

การลงทุนในตราสารหนี้ ผู้ลงทุนต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยสิ่งที่ต้องรู้จักและเข้าใจคือผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งมีสองแบบ

หนึ่ง ผลตอบแทนในรูปอัตราดอกเบี้ย (Coupon) ที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรกเมื่อออกตราสารหนี้ ซึ่งผู้ออกจะจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด ตามเวลาที่ระบุไว้ เมื่อถือตราสารไปจนครบอายุไถ่ถอน ผู้ลงทุนได้จะรับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยงวดสุดท้าย

สอง กำไรจากส่วนต่างของราคา ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนขายตราสารหนี้ที่ถืออยู่ออกไป ก่อนที่จะครบอายุ ซึ่งการทำกำไรจากส่วนต่างของราคานั้นผู้ลงทุนควรรู้จักและเข้าใจราคาของตราสารหนี้ก่อน ตราสารหนี้ก็เหมือนกับหุ้นที่ต้องมีมูลค่าที่ตราไว้ (Par value หรือราคาเริ่มต้น) หรือเรียกสั้นๆ ว่าพาร์ (Par) โดยปกติตราสารหนี้ในประเทศไทยจะกำหนดราคาพาร์ที่ 1,000 บาท

สล็อตออนไลน์

ซึ่งเป็นราคาที่มักจะใช้ในการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปราคาตราสารหนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอัตราดอกเบี้ยของตลาดในขณะนั้น ตัวอย่างเช่น หุ้นกู้ A มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ย 5% ทุก 6 เดือน เมื่อเวลาผ่านไป 6 เดือนอัตราดอกเบี้ยในตลาดกลับลดลงมาอยู่ที่ 3% ราคาหุ้นกู้ A จะสูงขึ้นกว่า 1,000 บาท เพราะผู้ซื้อเต็มใจที่จ่ายมากกว่า 1,000 บาทเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่ 5% ซึ่งราคาที่สูงขึ้นนี้ยังเป็นการชดเชยให้กับผู้ที่ถือครองหุ้นกู้ A มาก่อนด้วย ในทางกลับกัน หากเวลาผ่านไป 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 6% ราคาหุ้นกู้ A จะลดลงต่ำกว่า 1,000 บาท เพราะให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาด ผู้ขายยอมขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาพาร์ เพื่อชดเชยให้กับผู้ซื้อที่ต้องถือตราสารหนี้ที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาตลาด

การลงทุนในตราสารหนี้มีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อหุ้นเพราะผู้ลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ มีสถานะทางกฎหมายสูงกว่าผู้ถือหุ้น กรณีที่บริษัทปิดกิจการยังขายทรัพย์สินนำเงินมาเฉลี่ยคืนเจ้าหนี้ก่อนเจ้าของ อีกทั้งการเป็นผู้ถือหุ้นเมื่อบริษัทปิดกิจการ มูลค่าหุ้นเท่ากับศูนย์ การลงทุนก็สูญ

jumboslot

การลงทุนในตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนทีดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เป็นหนึ่งในทางเลือกของการลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง หรือลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม ที่มีผู้จัดการกองทุนทำหน้าที่วิเคราะห์ตราสารหนี้แต่ละตัวแทนผู้ลงทุนอยู่แล้ว และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนอีกด้วย

ผู้ลงทุนควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตราสารหนี้ในระดับหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้ลงทุนรายย่อย ได้รับการเสนอขายครั้งแรกก็ถือครองยาว และคิดว่าเมื่อครบกำหนดแล้วจะได้เงินที่ลงทุนไปคืนพร้อมดอกเบี้ย แต่การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ดังนั้น การซื้อตราสารหนี้ต้องพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ทั้งความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะปรับขึ้นหรือลดลงได้ ความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระ และความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง

slot

นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรพิจารณาผู้ออกด้วย โดยพิจารณาจากอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัทที่ออกไม่ควรมีขนาดเล็กเกินไป บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดส่วนใหญ่มีการออกตราสารหนี้จำนวนมาก และมีบางบริษัทที่ออกตราสารหนี้เป็นประจำ

เมื่อได้รับการเสนอขายตราสารหนี้ ผู้ลงทุนควรดูรายละเอียดให้ดี เช่น ได้รับการเสนอขายตราสารหนี้ที่จัดอยู่ในกลุ่มตราสารหนี้ระยะสั้นเพราะมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ระดมทุนมาใช้ระยะสั้นเท่านั้น แต่กลับมาขายเป็นตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งถือว่าผิดวัตถุประสงค์ รวมไปถึงพิจารณาประเภทของตราสารหนี้ด้วย อย่าลงทุนเพียงเพราะตราสารหนี้นั้นมีอายุสั้น และคิดว่าลงทุนสั้นไม่เสี่ยง เพราะแม้จะมีระยะเวลาลงทุนสั้นแต่หากเป็นตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับ หรือไม่รู้จักผู้ออก ก็มีความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณากระบวนการขายที่ถูกต้อง เช่น มีการเสนอขายโดยบอกว่าเป็นตราสารหนี้ของธนาคาร ทั้งๆ ที่บางครั้งธนาคารเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น

ตราสารหนี้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อผู้ออก โดยเฉพาะด้านต้นทุนทางการเงิน และยังมีกระบวนการออกที่ไม่ซับซ้อนเท่ากับตราสารทุน ทำให้การระดมทุนสามารถจัดการได้ตรงกับความต้องการและสอดคล้องกับภาวะตลาด ขณะเดียวกันก็มีประโยชน์ต่อผู้ลงทุน โดยนอกจากจะเป็นการลงทุนที่รักษาเงินต้นแล้วยังได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ดังนั้น ตราสารหนี้คือ ตราสารการเงินที่สามารถเป็นทางเลือกได้ทั้งการระดมทุนและการลงทุน

ตราสารหนี้สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท

ตราสารหนี้เป็นตราสารทางการเงินที่ใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุน โดยผู้ออกตราสารหนี้จะมีสถานะเป็น “ลูกหนี้” ที่กู้ยืมเงินจาก “เจ้าหนี้” หรือผู้ซื้อตราสารหนี้ที่มักจะเรียกกันว่า “ผู้ลงทุน” ในการออกตราสารหนี้จะมีการกำหนดอายุ วันชำระดอกเบี้ยและเงินต้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ย (Coupon) ที่จะจ่ายให้ผู้ลงทุนตั้งแต่เวลาที่ออกตราสารหนี้ ตราสารหนี้ยังมีสภาพคล่องสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ โดยในประเทศไทยการซื้อขายจะผ่านตลาดตราสารหนี้ที่เป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายหรือที่เรียกว่า Over-the-Counter

jumbo jili

ตราสารหนี้สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท เช่น

กรณีแบ่งตามประเภทผู้ออก สามารถแบ่งออกเป็น
• ตราสารหนี้ภาครัฐ หมายถึง ตราสารหนี้ที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง หรือหน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ รัฐวิสาหกิจเป็นผู้ออก ได้แก่
– พันธบัตร (Bond) ซึ่งจะมีชื่อเรียกตามผู้ออก เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศ หรือพันธบัตรการไฟฟ้าฝ่ายผลิต พันธบัตรรัฐวิสาหกิจบางแห่งได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาลเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
– ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง เป็นผู้ออก
• ตราสารหนี้ภาคเอกชน หมายถึง ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชนเพื่อระดมทุนไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ แต่ต้องผ่านการควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แก่
– หุ้นกู้ (Debenture)
– ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange: B/E)

ในต่างประเทศ Bond ใช้เรียกทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน และบางกรณีใช้คำว่า Debenture

กรณีแบ่งตามอายุของตราสาร
• ตราสารหนี้ระยะยาว หมายถึง ตราสารหนี้ที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป ซึ่งตราสารหนี้ที่จัดอยู่ในกลุ่มตราสารหนี้ระยะยาวได้แก่ พันธบัตร หุ้นกู้
• ตราสารหนี้ระยะสั้น หมายถึง ตราสารหนี้ที่มีอายุไม่เกินหรือเท่ากับ 1 ปี ได้แก่
– ตั๋วเงินคลังที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ออก เพื่อกู้ยืมเงินระยะสั้น
– B/E อยู่ในกลุ่มตราสารหนี้ระยะสั้น เพราะโดยปกติมีอายุไม่เกิน 270 วัน อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีบริษัทเอกชนออก B/E ระยะยาวด้วย

สล็อต

กรณีแบ่งตามวิธีการจ่ายดอกเบี้ย
• จ่ายดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Coupon Bond) โดยจะมีการจ่ายดอกเบี้ยคงที่ตามงวดที่กำหนดไว้แต่แรก ซึ่งมักจะกำหนดไว้ที่ปีละ 2 ครั้ง หรือทุก 6 เดือน
• กำหนดอัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์ (Zero-Coupon Bond) จะไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยระหว่างงวด โดยมักขายที่ราคาคิดลด (Discount Price) และผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนเมื่อครบกำหนดอายุ
• กำหนดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Bond) จะจ่ายดอกเบี้ยอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่กำหนด เช่น BIBOR หรือ THBFIX เป็นต้น

การระดมทุนด้วยตราสารหนี้
ผู้ออกตราสารหนี้เพื่อระดมทุนสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ภาครัฐบาล และภาคธุรกิจเอกชน การระดมทุนของบริษัทในภาคธุรกิจโดยการออกตราสารหนี้จะมีต้นทุนต่ำกว่าการกู้เงินจากธนาคารเนื่องจากไม่ต้องผ่านตัวกลาง ในช่วงที่ผ่านมาที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในระดับต่ำ บริษัทภาคเอกชนไทยจึงหันมาระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

สล็อตออนไลน์

ในปี 2560 มูลค่าการระดมทุนโดยการออกตราสารหนี้ คิดเป็นร้อยละ 50 ของมูลค่าการกู้ยืมเงินทั้งหมดของภาคเอกชน เปรียบเทียบกับปี 2548 ที่การระดมทุนโดยการออกตราสารหนี้คิดเป็นเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น สำหรับการซื้อหรือลงทุนในตราสารหนี้จากบริษัทที่ระดมทุนโดยตรง ในลักษณะนี้จะเรียกว่าการซื้อขายหรือการลงทุนตราสารหนี้ใน “ตลาดแรก” หรือ Primary Market ทั้งนี้ ผู้ออกตราสารหนี้สามารถเสนอขายได้ทั้งขายประชาชนทั่วไป ขายให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือนักลงทุนสถาบันตามคำจำกัดความที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงาน ก.ล.ต.

รายงานประจำปี 2560 ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเปิดเผยว่า มูลค่าการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ในตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสูงถึง 9.08 ล้านล้านบาท โดยเป็นการออกพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทยถึง 5.89 ล้านล้านบาท รองลงมาคือ ตราสารหนี้ภาคเอกชน (corporate bond) มูลค่า 1.58 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นกู้ระยะยาว 7.81 แสนล้านบาท และหุ้นกู้ระยะสั้นรวมตั๋วแลกเงิน 7.98 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 2560 มูลค่าการออกพันธบัตรรัฐบาลอยู่ที่ 7.07 แสนล้านบาท พันธบัตรรัฐวิสาหกิจอยู่ที่ 1.56 แสนล้านบาท และตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันต่างประเทศ 2 หมื่นล้านบาท

การระดมทุนด้วยตราสารหนี้มีข้อดีดังนี้

jumboslot

มีความยืดหยุ่นในการระดมทุน กล่าวคือ
• สามารถกำหนดจำนวนเงินและระยะเวลาการใช้เงินให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่จะได้รับในอนาคตของผู้ออก ทำให้สามารถบริหารจัดการให้สอดคล้องกันได้ ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการออก สามารถแบ่งย่อยได้ ไม่ว่าจะเป็น 1 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์กระแสเงินสดของธุรกิจที่บริษัทจะได้ ว่าเป็นช่วงใด หรืออาจจะเลือกเป็นระดมทุนครั้งเดียว แต่ทยอยจ่ายคืนเงินต้นได้ (Amortization)
• สามารถออกตราสารหนี้ในเงินสกุลต่างประเทศได้ โดยเฉพาะบริษัทที่มีรายรับเป็นเงินตราต่างประเทศ เป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในตัวเอง (Natural Hedge) เช่น บริษัทส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ มีรายรับเป็นเงินตราต่างประเทศ ก็สามารถออกตราสารหนี้เพื่อกู้เงินสกุลเงินตราต่างประเทศได้ ตราสารหนี้ที่ออกในสกุลเงินต่างประเทศ มักเรียกกันว่า หุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์

ต้นทุนการเงิน (Cost of Fund) ต่ำ ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำปัจจุบันเป็นทางเลือกให้ผู้ที่จะระดมทุนมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ ต้นทุนการดำเนินธุรกิจถูกลง เนื่องจากไม่ต้องมีตัวกลาง ค่าใช้จ่ายในการระดมทุนจึงต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการกู้เงินจากธนาคาร เพราะธนาคารจะมีค่าดำเนินการ ต้นทุนการเงินของผู้ออกคือ อัตราดอกเบี้ย (Coupon) ที่จะจ่ายให้กับผู้ลงทุน โดยปกติจะใช้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเป็นดอกเบี้ยอ้างอิง เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลเป็นพันธบัตรที่ไม่มีความเสี่ยง (Risk Free) แต่ผู้ออกอื่นที่ไม่ใช่รัฐบาลมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่ารัฐบาล ตราสารหนี้ที่เสนอขายจึงมีความเสี่ยงมากกว่ารัฐบาล จึงต้องเสนอผลตอบแทนที่สูงขึ้นแก่ผู้ลงทุนเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ผู้ออกจึงต้องบวกส่วนต่าง (Spread) เพิ่มขึ้น เพื่อจูงใจให้ลงทุน
Spread คือ ราคาหรือผลตอบแทนที่ผู้ออกตราสารหนี้จะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ส่วนต่างที่จะบวกเพิ่มเข้าไปในตราสารหนี้แต่ละรุ่นจะแตกต่างกัน ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง High Risk High Return กล่าวคือ เมื่อตราสารหนี้มีความเสี่ยงสูงขึ้นก็จะต้องให้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยง ผลตอบแทนที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นหมายถึง Spread ที่ต้องเพิ่มขึ้นนั่นเอง ปัจจัยหลักๆ ที่มีผลต่อการกำหนด Spread ได้แก่

slot

ความน่าเชื่อถือของผู้ออก
ความน่าเชื่อถือของผู้ออกสะท้อนความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกที่เป็นผู้กู้ยืมเงิน นโยบายการบริหารและสถานะการเงินของบริษัทหรือผู้ออกแต่ละรายแตกต่างกัน จึงมีความน่าเชื่อถือแตกต่างกัน Spread ที่บวกเพิ่มขึ้นจากพันธบัตรรัฐบาลจะสูงขึ้นเมื่อความน่าเชื่อถือของผู้ออกต่ำ เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่ผู้ออกจะผิดนัดชำระหนี้ โดยส่วนใหญ่อันดับความน่าเชื่อถือจะแบ่งออกเป็นระดับ เช่น AAA หมายถึงอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงสุด มีความเสี่ยงต่ำที่สุดที่ไม่ชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้น ส่วนใหญ่จะให้กับประเทศ หรือกับบริษัทขนาดใหญ่

บริษัทเอกชน ไม่ว่าขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กสามารถใช้ตราสารหนี้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนได้ทั้งนั้น แต่ควรมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เพราะหากไม่มีการจัดอันดับในฐานะที่เป็นบริษัทเอกชน ต้นทุนการออกตราสารหนี้อาจจะแพง ยกเว้นว่าต้องการที่จะออกขายในวงจำกัด อย่างไรก็ตาม บริษัทเอกชนที่ไม่เคยออกตราสารหนี้มาก่อน แม้จะมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดีแต่ผู้ลงทุนไม่รู้จัก ก็อาจจะต้องให้ Spread ที่สูงกว่า เช่นเดียวกับบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ Spread จะกว้างขึ้น เพื่อจูงใจให้คนเข้ามาซื้อ แม้แต่บริษัทที่ประชาชนรู้จักอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือมาก่อนและต้องการที่จะออกตราสารหนี้ ก็ควรที่จะมีการวิเคราะห์สถานะการเงินและประเมินความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ต้นทุนการระดมทุนนั้นสอดคล้องกับฐานะของผู้ออก

บริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ที่ Credit Rating เดียวกัน มีโอกาสที่ Spread จะเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะซื้อและปริมาณที่จะขาย ยกตัวอย่าง เช่น บริษัทใหญ่ที่ Credit Rating ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีการออกตราสารหนี้ในปริมาณมากและออกขายหลายครั้งแล้ว ผู้ลงทุนที่เคยลงทุนหรือผู้ลงทุนที่ถือครองอยู่แล้วอาจจะไม่ให้ความสนใจอีก ดังนั้น Spread อาจจะเพิ่มขึ้นเพื่อจูงใจ ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับบริษัทเล็กที่ไม่เคยออกตราสารหนี้มาก่อนและมี Credit Rating เท่ากับบริษัทใหญ่ เมื่อเสนอขายตราสารหนี้ก็อาจจะมีโอกาสได้ต้นทุนที่เท่ากับหรือต่ำกว่าบริษัทใหญ่ก็ได้ เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่

จัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะกับอายุอย่างไร

หลังจากที่เราทำความรู้จักกับสินทรัพย์ลงทุนประเภทต่าง ๆ ในบทความตอนที่ 2 ไปแล้ว มาถึง Episode ที่ 3 นี้ ดร.พีรภัทร ฝอยทอง นักวางแผนการเงินส่วนบุคคล จะอธิบายถึงความสำคัญของการจัดพอร์ตลงทุน ว่าทำไมเราควรจัดพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง แล้วการจัดพอร์ตที่เหมาะกับแต่ละช่วงอายุนั้นต้องทำอย่างไร

jumbo jili

อายุน้อยเสี่ยงได้มาก อายุมากเสี่ยงน้อย ๆ

การจัดพอร์ตขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละคน ต้องดูอายุด้วย ถ้าเพิ่งทำงานไม่กี่ปี อายุงานไม่เยอะ ตามทฤษฎีเขาบอกว่าคุณลงทุนเสี่ยงมากได้ เพราะถ้าคุณลงทุนแล้วคุณเจ๊ง ก็ยังมีโอกาสทำงานเก็บเงิน หาเงินมาใหม่ได้ แต่ถ้าคุณอายุเยอะแล้ว ไม่ควรลงทุนเสี่ยง เพราะหากคุณลงทุนไปแล้วเจ๊ง โอกาสที่จะทำงานเก็บเงินมันน้อยแล้ว อีกไม่กี่ปีคุณจะเกษียณ เพราะฉะนั้นคุณต้องลงทุนที่ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ

พอร์ตลงทุนที่ดี ควรปรับเปลี่ยนตามช่วงวัย

ดร.พีรภัทร ยกตัวอย่างการจัดพอร์ตลงทุนแบบง่าย ๆ พอเป็นไอเดียสำหรับคนที่ต้องการเริ่มลงทุน

คนอายุน้อย ๆ 20 – 30 ปี เสี่ยงได้มาก อาจลงทุนในตราสารทุน 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ เช่น กองทุนหุ้น หรือ จะซื้อหุ้นรายตัวก็ได้ อีกประมาณ 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ อาจลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร และอีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์

สล็อต

อาจเก็บไว้เป็นเงินฝากธนาคาร หรือ กองทุนตราสารเงิน ที่ความเสี่ยงมันต่ำมาก อันนี้คือหลักการสำหรับคนเรียนจบใหม่ ๆ เพิ่งเริ่มทำงาน ยินดีที่จะขาดทุนได้ แต่ถ้าได้กำไรก็จะกำไรเยอะ
วัยเริ่มมีฐานะ 30 – 50 ปี เริ่มมีหน้าที่การงานดี มีเงินลงทุนได้เยอะขึ้น อาจลดระดับความเสี่ยงลงมา ลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) สัก 40 – 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตราสารหนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ และตราสารเงินหรือเงินฝากอีก 10 – 20 เปอร์เซ็นต์

วัยใกล้เกษียณ 50 – 60 ปี ควรลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ ตราสารทุน (หุ้น) ไม่ควรเกิน 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือก็จะเป็นตราสารหนี้ประมาณ 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ และตราสารเงินหรือเงินฝากอยู่ที่ 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ อายุเยอะแล้วทำไมยังต้องมีตราสารทุนที่บอกว่าเสี่ยงอยู่ 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าไม่มีเลยผลตอบแทนที่ได้รับอาจจะไม่ชนะเงินเฟ้อ เราจึงยังต้องมีสินทรัพย์ตัวหนึ่งที่มีโอกาสทำกำไรได้เยอะ แต่เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ของพอร์ต

สล็อตออนไลน์

เช็กและปรับพอร์ตเป็นระยะ ตามแผนการลงทุน

การปรับพอร์ตไม่ได้หมายความว่าเราเปลี่ยนตัวสินค้า แต่ต้องดูจากพอร์ตที่เราตั้งตอนแรกว่า เราต้องการมีสินทรัพย์แต่ละอย่างกี่เปอร์เซ็นต์เพื่อกระจายความเสี่ยง สมมุติเราบอกว่าเราจะลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) ไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ และตราสารหนี้อีก 40 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หุ้นราคาขึ้น ทำให้พอร์ตของเราเปลี่ยนจากหุ้น 60 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นหุ้น 80 เปอร์เซ็นต์ ตราสารหนี้ไม่ได้ลดลง เพียงแต่หุ้นโตขึ้น นั่นแปลว่า พอร์ตของคุณมีความเสี่ยงเกินสิ่งที่คุณตั้งไว้แล้ว เพราะฉะนั้นคุณควรขายหุ้นบางส่วน ทำกำไร แล้วย้ายเงินจากกองทุนหุ้นมาอยู่ที่กองทุนตราสารหนี้แทน ปรับพอร์ตให้อยู่ในสัดส่วนที่มีความเสี่ยงตามที่คุณวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น ควรเช็กพอร์ตทุก ๆ ปี

jumboslot

ตราสารหนี้เป็นตราสารทางการเงินที่ใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุน โดยผู้ออกตราสารหนี้จะมีสถานะเป็น “ลูกหนี้” ที่กู้ยืมเงินจาก “เจ้าหนี้” หรือผู้ซื้อตราสารหนี้ที่มักจะเรียกกันว่า “ผู้ลงทุน” ในการออกตราสารหนี้จะมีการกำหนดอายุ วันชำระดอกเบี้ยและเงินต้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ย (Coupon) ที่จะจ่ายให้ผู้ลงทุนตั้งแต่เวลาที่ออกตราสารหนี้ ตราสารหนี้ยังมีสภาพคล่องสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ โดยในประเทศไทยการซื้อขายจะผ่านตลาดตราสารหนี้ที่เป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายหรือที่เรียกว่า Over-the-Counter

slot

ตราสารหนี้สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท เช่น

กรณีแบ่งตามประเภทผู้ออก สามารถแบ่งออกเป็น
• ตราสารหนี้ภาครัฐ หมายถึง ตราสารหนี้ที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง หรือหน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ รัฐวิสาหกิจเป็นผู้ออก ได้แก่
– พันธบัตร (Bond) ซึ่งจะมีชื่อเรียกตามผู้ออก เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศ หรือพันธบัตรการไฟฟ้าฝ่ายผลิต พันธบัตรรัฐวิสาหกิจบางแห่งได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาลเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
– ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง เป็นผู้ออก
• ตราสารหนี้ภาคเอกชน หมายถึง ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชนเพื่อระดมทุนไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ แต่ต้องผ่านการควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แก่
– หุ้นกู้ (Debenture)
– ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange: B/E)

ในต่างประเทศ Bond ใช้เรียกทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน และบางกรณีใช้คำว่า Debenture