ประโยชน์ของการมีผลตอบแทนที่เป็นเงินสดสม่ำเสมอ มีหลัก ๆ 3 ข้อครับ
1) สร้าง Passive income
การที่ได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอจากการลงทุน ก็เหมือนกับเรามีรายได้โดยแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย เหมือนให้เงินทำงานแทนเรา ลองคิดภาพง่ายๆตามนะครับ ว่า ถ้าเรามีเงินเย็น 5 ล้านบาท แล้วเราสามารถคัดเลือกหุ้นกู้จากบริษัทที่มีพื้นฐานของบริษัทดีทั้งผลประกอบการและสถานภาพทางการเงิน โดยผสมทั้งหุ้นกู้แบบ Investment Grade และ High-Yield Bond เข้าด้วยกัน แล้วหุ้นกู้ชุดนั้นที่เราลงทุนสามารถให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยให้กับเราได้ ประมาณปีละ 6% จะทำให้เราได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยถึงปีละ 300,000 บาท ซึ่งเฉลี่ยเดือนละ 25,000 บาท หากเป็นคนที่สามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี หรือใช้ชีวิตด้วยเงินจำนวนเท่านี้อยู่แล้ว เท่ากับว่าสามารถดำรงชีวิตได้โดยแทบไม่ต้องทำงานกันเลยทีเดียว การลงทุนในหุ้นกู้จึงถือเป็น Passive income อย่างหนึ่งที่เราสามารถลงทุนได้ครับ
2) วางแผนการเงินง่ายขึ้น และสามารถนำไปเป็นเงินสำรองยามฉุกเฉินได้
การที่เรารู้ และสามารถคาดการณ์ได้ว่า เราจะได้รายรับจำนวนเท่าไร ในช่วงเวลาไหน จะทำให้เราสามารถบริหาร การใช้จ่ายเงินได้ดีขึ้น ว่าจะนำเงินก้อนดังกล่าว ไว้ใช้ ไว้ลงทุน หรือไว้ออม ในขณะเดียวกัน ยังสามารถนำมาเป็นเงินสำรอง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพราะจากเหตุการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา ทำให้เราเห็นได้เลยว่า กระแสเงินสดมีความสำคัญเพียงใด การเกิดโรคระบาดดังกล่าว อาจทำให้เราขาดรายได้จากช่องทางหลัก แต่ผลตอบแทนที่เราได้รับจากหุ้นกู้ เราจะยังคงได้สม่ำเสมอตามเงื่อนไขที่กำหนด เราสามารถเก็บสะสมผลตอบแทนดังกล่าวเพื่อประคองตัวเองให้ดำรงชีวิต แม้จะทำได้ในระยะสั้นก็ตาม
3) มีเงินสดสำหรับการ Re-invest หรือ การนำเงินกลับมาลงทุน
ผลตอบแทนที่เป็นกระแสเงินสด ทำให้เรามีโอกาสนำเงินดังกล่าว กลับไปลงทุนใหม่ เพราะ หากมีกระแสเงินสดเข้ามา ในฐานะของนักลงทุน เราคงไม่เอาเงินนั้นใช้จ่ายทันที แต่จะนำเงินที่เราได้ไปต่อยอด เตรียมไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อไปสร้างผลตอบแทนต่อ เช่น เอาไปลงทุนในหุ้นตอนที่ตลาดตกลงมาหนักๆ เราจะได้ไม่ต้องมาเสียดายว่า “ตกรถ” เพราะไม่มีเงินสดสำหรับเข้าไปซื้อหุ้น ดังนั้นการมีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างสม่ำเสมอนั้น ช่วยให้เราสามารถมีเงินสดพร้อมที่จะลงทุนได้ในทุก ๆ จังหวะของตลาดครับ
High-Yield Bond คือ อะไร และผลตอบแทน
ในส่วนของหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงของ เพียร์ พาวเวอร์ นั้น เรามีความใกล้เคียงกับ High-Yield Bond ครับ โดย ผู้ออกหุ้นกู้ในแพลตฟอร์มของเรา จะเป็นธุรกิจที่ต้องการระดมทุน แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่อง จำนวนเงินกู้ที่ต้องการระดมทุน หลักทรัพย์ค้ำประกัน และค่าใช้จ่ายในการจัดอันดับตราสารหนี้ ทำให้การระดมทุนผ่านหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงตอบโจทย์ธุรกิจ มากกว่าการออกหุ้นกู้แบบ High-Yield Bond หรือ ขอสินเชื่อจากทางสถาบันการเงิน โดยก่อนที่บริษัทดังกล่าวจะสามารถออกหุ้นกู้ผ่านแพลตฟอร์มของ เพียร์ พาวเวอร์ได้นั้น จะถูกคัดกรอง และประเมินความเสี่ยง ก่อนที่จะสามารถเข้ามาเป็นผู้เสนอขายหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงในแพลตฟอร์มได้ครับ
อย่างไรก็ตาม หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ยังมีความแตกต่าง กับหุ้นกู้เอกชน ดังนี้
- งวดในการจ่ายดอกเบี้ย สำหรับหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงแล้ว เรามีหุ้นกู้ที่ชำระจ่าย ทั้งแบบรายเดือน และแบบรายไตรมาส ซึ่งจะจ่ายถี่กว่าหุ้นกู้โดยทั่วไป ที่งวดการจ่ายดอกเบี้ยจะมีตั้งแต่ ทุก 6 เดือน, 1 ปี หรือแม้กระทั่ง ไม่จ่ายดอกเบี้ย(Zero-Coupon) จนถึงกำหนดไถ่ถอนเลยก็มี
2.ระยะเวลาของหุ้นกู้ หุ้นกู้โดยทั่วไป จะมีระยะเวลาหุ้นกู้ อาจอยู่ที่ 1-5 ปี แต่ระยะเวลาของหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง จะเริ่มต้นตั้งแต่ 6-24 เดือน ซึ่งการที่มีระยะเวลาสั้นกว่า ทำให้ หุ้นกู้คราวด์ฟันดิงมีสภาพคล่องที่ดีกว่าครับ
3.ผลตอบแทนในแต่ละงวด ในส่วนของหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง จะมีการจ่ายผลตอบแทนคืนทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย ในแต่ละงวด ต่างจากหุ้นกู้ปกติจะจ่ายเพียงดอกเบี้ยอย่างเดียว และจะได้เงินต้นคืนเมื่อถึงกำหนดไถ่ถอน ทำให้หุ้นกู้คราวด์ฟันดิงมี ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ หรือ Default Risk ต่ำกว่าหุ้นกู้ทั่วไปนั่นเอง
สุดท้ายนี้ การศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ในสิ่งที่ลงทุน และตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้าน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนให้กับทุกท่านได้เป็นอย่างดีครับ หากนักลงทุนท่านใด สนใจที่จะลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง สามารถอ่านละเอียดเพิ่มเติม หรือสมัครเป็นนักลงทุนของเพียร์ พาวเวอร์ได้จากลิงก์ด้านล่างเลยครับ